“ดี ...”
“...”
“ถ้าเกลียดกูมากจนอยากตายขนาดนั้นล่ะก็
...”
“...”
“กูจะให้มึงจำความรู้สึกเหมือนถูกดึงลงนรกนี้ไปชั่วชีวิต”
แกร๊ก !!
ผมชะงักเมื่อเห็นแววตาของเขา
ตากลมของผมมองจงอินที่กดล็อคประตูก่อนที่ขาของผมจะเริ่มถดตัวถอยหลังอย่างรวดเร็ว การขยับตัวแต่ละครั้งเป็นไปได้ยากเพราะมีโซ่ล่ามขาผมไว้บวกกับข้อเท้าที่กำลังเคล็ดจนรู้สึกเจ็บแปล็บ
ๆ แต่จากการกระทำและคำพูดของจงอินทำให้ผมถอยห่างจากเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณจะทำอะไร”
คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับก้าวเท้าเข้ามาหาผมเรื่อย
ๆ โดยที่ผมก็ถอยห่างจากเขาเรื่อย ๆ เช่นกัน จงอินเหยียบสายโซ่ที่ผมกำลังลากถอยพร้อมกับจับแขนผมไว้แล้วออกแรงกระชากผมให้ลุกขึ้นอย่างแรง
“มานี่”
“เป็นบ้าไปแล้วหรือไงน่ะ
!”
ผมตะโกนถามเขาด้วยความเจ็บจากการกระชาก
กระดูกผมเหมือนจะแตกละเอียดเมื่อเขาออกแรงบีบมันอย่างแรงจนผมต้องทุบไปที่ไหล่ที่แข็งเหมือนหินของเขาให้ปล่อยแต่มันกลับไม่ได้ผลอะไรเลย
จงอินไม่ได้สนใจกับแรงทุบที่ผมพยายามลงหนักขึ้นเรื่อย
ๆ แม้ว่าผมจะมีเรี่ยวแรงเพียงแค่น้อยนิดถ้าเทียบกับเขาแต่ผมมั่นใจว่าจงอินต้องรู้สึกเจ็บบ้างไม่ใช่ยืนทื่อแบบนี้
ตุบ
หน้าผมทิ่มลงกับเตียงจนแทบจะทะลุลงไปข้างใต้ผมหันมามองจงอินที่เริ่มใช้กำลังกับผมมากเกินไปแล้วด้วยสายที่ไม่ชอบใจ
ร่างหนัก ๆ ของเขาโถมตามลงมากดผมไว้จนมิดพร้อมกับใบหน้าเราที่ห่างกันแค่คืบ
“อะ ... ออกไป ... นะ”
ผมพูดอย่างตะกุกตะกักและเรียบเรียงไม่ค่อยเป็นประโยคเมื่อเห็นหน้าของจงอินเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย
ๆ ผมใช้มือดันไปที่หน้าของจงอินแต่เขากลับปัดมันออกก่อนจะกดมันลงแนบสนิทกับเตียง
“หึ”
ในตอนนี้ผมมองเห็นแค่รอยยิ้มร้ายดุจมัจจุราชจากเขา.
อากาศที่ผมรู้สึกว่ามันเย็นสบายในห้องเหมือนจะเย็นลงจนมือผมสั่นน้อย
ๆ โดยไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง ริมฝีปากร้อนบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรงและดุดันจนผมรู้สึกวูบในท้องน้อย
เสียงร้องด้วยความตกใจกลายเป็นเสียงอู้อี้ที่อยู่ภายในลำคอเมื่อปากถูกปิดสนิท
ผมรู้สึกถึงรสชาติและกลิ่นความคาวของเลือดเมื่อริมฝีปากถูกขยี้จนแทบจะแตกร้าว
ผมยกขาดิ้นเพื่อที่จะหลบแรงกดทับจากเขาแต่จงอินกลับดันตัวแทรกเข่าเข้ามาเพื่อไม่ให้ผมหนีไปไหนได้
ปากที่ถูกบดขยี้เริ่มแสบจนผมเผลอร้องออกมาแต่กลับกลายเป็นว่าผมยอมให้จงอินสอดลิ้นเข้ามาภายในปากของผม
ปลายลิ้นที่กวาดไปทั่วโพลงปากกำลังจะทำให้สติผมขาดหาย
จงอินไม่เคยทำกับผมแบบนี้
เขาไม่เคยรุกรานผมมากขนาดนี้มาก่อน
“อึ๊ !!!”
“ปล่อย !!!”
ผมพูดเสียงดังเมื่อเห็นว่าจงอินผละออกหลังจากที่ผมขบลงที่ริมฝีปากของเขาจนเลือดซิบ
ลิ้นของเขาแลบออกมาแตะที่ริมฝีปากก่อนที่จงอินจะมองผมด้วยแววตาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่าผมทำเขาได้แผล
จงอินเพิ่มแรงกดลงมาที่ตัวผมพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“เก่งนักนี่ เอาสิ
ดูสิว่ามึงจะรอดไปได้ไหม”
“คุณจะทำแบบนี้ทำไม
มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะจงอิน !!”
“...”
“แล้ว ... ผมจะเกลียดคุณยิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก”
“งั้นก็เกลียดกู ...
เกลียดให้มากเท่าที่มึงจะเกลียดได้”
จงอินพูดจบก็ไซร้ต่ำลงไปตามลำคอและลาดไหล่ของผมก่อนจะขบเม้มจนมันแดงเป็นปื้นไปทั่ว
ผมรู้สึกกลัวเมื่อภาพความทรงจำเก่า ๆ ในตอนนั้นมันถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง
หยดน้ำตาเริ่มคลอที่ตาของผมจนมองภาพเบลอไปหมด
“มะ ... ไม่เอานะ ...
อย่าทำแบบนี้”
“มึงลืมสัมผัสพวกนี้ไปแล้วหรือไง”
จงอินกระซิบต่ำที่ข้างหูผมก่อนจะค่อย ๆ เลิกเสื้อผมขึ้นและกระชากอย่างแรงจนคอมันถูกฉีกออกกว้าง
ลมหายใจร้อน ๆ
ที่ไล่ไปทั่วลำคอทำให้ผมดิ้นอย่างบ้าคลั่งทั้ง ๆ
ที่มันไม่ได้ช่วยให้ผมหลุดเลยแม้แต่น้อย
จงอินหัวเราะในลำคออย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าผมมองเขาด้วยสายตาแค้นเคืองผ่านทางม่านน้ำตาที่เริ่มหยดลงเป็นสาย
“ชั่ว ... ช้า”
จงอินไม่ตอบอะไร
เขายิ้มมุมปากอย่างสะใจ ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเท้าเข้าสู่นรกอย่างเต็มรูปแบบ
กางเกงขาสั้นของผมถูกปลดตะขอและดึงออกอย่างง่ายดายแม้ว่าผมจะพยายามดึงมันไว้
ริมฝีปากร้อนประกบลงมาอีกครั้งก่อนจะดึงสติผมให้วูบไหว
“อ้ะ !”
ความเจ็บจี๊ดบริเวณช่องทางนั้นพุ่งขึ้นมาเป็นริ้ว
ๆ เมื่อจงอินสอดนิ้วเข้ามาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว
“ฮึก จงอิน มะ ...
ไม่เอา ...”
“หยุดร้องซะที รำคาญ !!!”
“ฮึก...”
น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อจงอินเริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้า
ๆ ริมฝีปากของเขายังคงทำหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์ผมไปเรื่อย ๆ เมื่อเขาคิดว่าผมเริ่มคุ้นชินจงอินจึงเพิ่มเป็นสองและสามนิ้วส่งผลให้ความเจ็บค่อย
ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน
และมันกำลังทำให้ผมเกลียด
!
ผมยังมีสติและรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ผมเกลียดเขา เกลียดความรู้สึกบ้า ๆ ที่กำลังตีรวนอยู่ในหัว ผมหวาดกลัวสัมผัสพวกนี้เพราะครั้งนึงร่างกายผมเคยถูกขยี้จนสกปรกไปหมด
!
และผมเองก็เกลียดตัวเอง
... ที่เริ่มอ่อนไหวไปกับสัมผัสจากคนที่ตัวเองเกลียดนักหนา
ผมค่อย ๆ
หลับตาลงปล่อยให้หยดน้ำตาสีใสไหลตามหน้าที่แสดงความรู้ของมันไป ผมไม่อยากมองเห็น
ไม่อยากรับรู้ถึงความรู้สึกจาบจ้วงที่จะทำลายผมอีกครั้ง ตาคมคู่นั้นมองไปทั่วร่างกายผมเหมือนคนเสียสติเขาขบเม้มกดจูบลงทุกส่วนบนร่างกายของผมทั้ง
ๆ ที่เขายังยิ้มด้วยรอยยิ้มของปีศาจ
“อึก ...”
ร่างผมเกร็งไปทั่วทุกส่วนเมื่อรับรู้ถึงบางส่วนที่ใหญ่ผิดจากขนาดนิ้วกำลังแทรกเข้ามาช้า
ๆ
ผมไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงสีหน้ารู้สึกสะใจแค่ไหนเพราะผมเลือกที่จะหลับตาลงแน่นสนิท
...
พยายามปิดกั้นการรับรู้ทั้งหมดแม้ว่าสมองยังคงบอกผมได้ดีว่าจงอินกำลังขยับร่างกายของเขาช้า
ๆ โดยไม่สนเสียงที่ร้องเหมือนจะขาดใจของผม
จงอินไม่แม้แต่จะถอดกางเกงออกเพราะผมรู้สึกถึงเนื้อผ้าที่เสียดสีกับท่อนขาของผม
สัมผัสที่รุนแรงของเขาสร้างทั้งความเสียวซ่านและความเจ็บปวดที่ใจให้ผมอย่างถึงที่สุด
ถ้ามันเป็นมีดผมคงถูกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลือที่ว่างตรงไหนให้เขาลงมีดได้อีก
ไม่มีเสียงขอร้องใดใดออกจากปากของผมอีกเมื่อผมรู้ดีว่ามันจะไม่มีความเห็นใจจากผู้ชายที่เลวสุดขั้วคนนี้อย่างแน่นอน
จงอินมองผมที่หลับตาอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะออกแรงกระแทกแรงขึ้นจนตัวผมสั่นโยกไปตามจังหวะ
ภายในห้องมีเพียงเสียงครางในลำคอเบา ๆ ของเขากับเสียงร้องสะอื้นเหมือนจะขาดใจของผม
ผ่านไปไม่รู้กี่นาทีแต่มันทำให้ผมร้องไห้จนแทบหมดแรง
จงอินถอนแกนกายออกไปช้า ๆ หลังจากที่เขาทำมันจนเสร็จและปลดปล่อยในตัวผม
เขาค่อย ๆ
ลุกขึ้นจัดสภาพตัวเองให้ดูดีก่อนหยิบกางเกงของผมโยนมาให้ที่ข้างเตียง
จงอินไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มมุมปาก
ผมกัดฟันก่อนจะชี้ไปที่ประตูห้อง
“ออกไป ...”
“...”
“ออกไปซะ !!!!!”
ผมหยิบหมอน หยิบอะไรก็ตามที่คว้าได้ขว้างใส่เขาที่ปัดมันทิ้งก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้องของผม
เมื่อประตูปิดสนิทผมก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเหมือนคนบ้า
ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวช้า
ๆ ก่อนจะชันเข่าขึ้นและซบหน้าลงไป รอยจ้ำแดง ๆ
น่าเกลียดพวกนี้ทำให้ผมขยะแขยงตัวเอง
ผมถูมันอย่างแรงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีทางหายไป
คราบน้ำสีขาวที่ค่อย ๆ
ไหลออกมาเปื้อนผ้าปูที่นอนทำให้ผมสะอื้นอย่างควบคุมไม่อยู่
“ฮึก ... ฮือออออออออ”
มันอาจจะเป็นเวลานานเกือบชั่วโมงที่ผมทรมานที่สุด
และผมเกลียดร่างกายของตัวเอง
...
ที่ดันไปตอบรับสัมผัสจากเขา