Tuesday, June 7, 2016

#Fickillme chp หัวใจที่ถูกกรีด











“ดี ...”


“...”


“ถ้าเกลียดกูมากจนอยากตายขนาดนั้นล่ะก็ ...”


“...”


“กูจะให้มึงจำความรู้สึกเหมือนถูกดึงลงนรกนี้ไปชั่วชีวิต”


แกร๊ก !!


ผมชะงักเมื่อเห็นแววตาของเขา ตากลมของผมมองจงอินที่กดล็อคประตูก่อนที่ขาของผมจะเริ่มถดตัวถอยหลังอย่างรวดเร็ว การขยับตัวแต่ละครั้งเป็นไปได้ยากเพราะมีโซ่ล่ามขาผมไว้บวกกับข้อเท้าที่กำลังเคล็ดจนรู้สึกเจ็บแปล็บ ๆ แต่จากการกระทำและคำพูดของจงอินทำให้ผมถอยห่างจากเขาอย่างไม่ไว้ใจ


“คุณจะทำอะไร”


คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับก้าวเท้าเข้ามาหาผมเรื่อย ๆ โดยที่ผมก็ถอยห่างจากเขาเรื่อย ๆ เช่นกัน จงอินเหยียบสายโซ่ที่ผมกำลังลากถอยพร้อมกับจับแขนผมไว้แล้วออกแรงกระชากผมให้ลุกขึ้นอย่างแรง


“มานี่”


“เป็นบ้าไปแล้วหรือไงน่ะ !


ผมตะโกนถามเขาด้วยความเจ็บจากการกระชาก กระดูกผมเหมือนจะแตกละเอียดเมื่อเขาออกแรงบีบมันอย่างแรงจนผมต้องทุบไปที่ไหล่ที่แข็งเหมือนหินของเขาให้ปล่อยแต่มันกลับไม่ได้ผลอะไรเลย


จงอินไม่ได้สนใจกับแรงทุบที่ผมพยายามลงหนักขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าผมจะมีเรี่ยวแรงเพียงแค่น้อยนิดถ้าเทียบกับเขาแต่ผมมั่นใจว่าจงอินต้องรู้สึกเจ็บบ้างไม่ใช่ยืนทื่อแบบนี้


ตุบ


หน้าผมทิ่มลงกับเตียงจนแทบจะทะลุลงไปข้างใต้ผมหันมามองจงอินที่เริ่มใช้กำลังกับผมมากเกินไปแล้วด้วยสายที่ไม่ชอบใจ ร่างหนัก ๆ ของเขาโถมตามลงมากดผมไว้จนมิดพร้อมกับใบหน้าเราที่ห่างกันแค่คืบ


“อะ ... ออกไป ... นะ”


ผมพูดอย่างตะกุกตะกักและเรียบเรียงไม่ค่อยเป็นประโยคเมื่อเห็นหน้าของจงอินเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ผมใช้มือดันไปที่หน้าของจงอินแต่เขากลับปัดมันออกก่อนจะกดมันลงแนบสนิทกับเตียง


“หึ”


ในตอนนี้ผมมองเห็นแค่รอยยิ้มร้ายดุจมัจจุราชจากเขา.


อากาศที่ผมรู้สึกว่ามันเย็นสบายในห้องเหมือนจะเย็นลงจนมือผมสั่นน้อย ๆ โดยไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง ริมฝีปากร้อนบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรงและดุดันจนผมรู้สึกวูบในท้องน้อย เสียงร้องด้วยความตกใจกลายเป็นเสียงอู้อี้ที่อยู่ภายในลำคอเมื่อปากถูกปิดสนิท ผมรู้สึกถึงรสชาติและกลิ่นความคาวของเลือดเมื่อริมฝีปากถูกขยี้จนแทบจะแตกร้าว


ผมยกขาดิ้นเพื่อที่จะหลบแรงกดทับจากเขาแต่จงอินกลับดันตัวแทรกเข่าเข้ามาเพื่อไม่ให้ผมหนีไปไหนได้ ปากที่ถูกบดขยี้เริ่มแสบจนผมเผลอร้องออกมาแต่กลับกลายเป็นว่าผมยอมให้จงอินสอดลิ้นเข้ามาภายในปากของผม ปลายลิ้นที่กวาดไปทั่วโพลงปากกำลังจะทำให้สติผมขาดหาย


จงอินไม่เคยทำกับผมแบบนี้ เขาไม่เคยรุกรานผมมากขนาดนี้มาก่อน


“อึ๊ !!!


“ปล่อย !!!


ผมพูดเสียงดังเมื่อเห็นว่าจงอินผละออกหลังจากที่ผมขบลงที่ริมฝีปากของเขาจนเลือดซิบ ลิ้นของเขาแลบออกมาแตะที่ริมฝีปากก่อนที่จงอินจะมองผมด้วยแววตาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่าผมทำเขาได้แผล จงอินเพิ่มแรงกดลงมาที่ตัวผมพร้อมกับยิ้มมุมปาก


“เก่งนักนี่ เอาสิ ดูสิว่ามึงจะรอดไปได้ไหม”


“คุณจะทำแบบนี้ทำไม มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะจงอิน !!”


“...”


“แล้ว ... ผมจะเกลียดคุณยิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก”


“งั้นก็เกลียดกู ... เกลียดให้มากเท่าที่มึงจะเกลียดได้”


จงอินพูดจบก็ไซร้ต่ำลงไปตามลำคอและลาดไหล่ของผมก่อนจะขบเม้มจนมันแดงเป็นปื้นไปทั่ว ผมรู้สึกกลัวเมื่อภาพความทรงจำเก่า ๆ ในตอนนั้นมันถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง หยดน้ำตาเริ่มคลอที่ตาของผมจนมองภาพเบลอไปหมด


“มะ ... ไม่เอานะ ... อย่าทำแบบนี้”


“มึงลืมสัมผัสพวกนี้ไปแล้วหรือไง” จงอินกระซิบต่ำที่ข้างหูผมก่อนจะค่อย ๆ เลิกเสื้อผมขึ้นและกระชากอย่างแรงจนคอมันถูกฉีกออกกว้าง


ลมหายใจร้อน ๆ ที่ไล่ไปทั่วลำคอทำให้ผมดิ้นอย่างบ้าคลั่งทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ช่วยให้ผมหลุดเลยแม้แต่น้อย จงอินหัวเราะในลำคออย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าผมมองเขาด้วยสายตาแค้นเคืองผ่านทางม่านน้ำตาที่เริ่มหยดลงเป็นสาย


“ชั่ว ... ช้า”


จงอินไม่ตอบอะไร เขายิ้มมุมปากอย่างสะใจ ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเท้าเข้าสู่นรกอย่างเต็มรูปแบบ


กางเกงขาสั้นของผมถูกปลดตะขอและดึงออกอย่างง่ายดายแม้ว่าผมจะพยายามดึงมันไว้ ริมฝีปากร้อนประกบลงมาอีกครั้งก่อนจะดึงสติผมให้วูบไหว


“อ้ะ !


ความเจ็บจี๊ดบริเวณช่องทางนั้นพุ่งขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อจงอินสอดนิ้วเข้ามาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว


“ฮึก จงอิน มะ ... ไม่เอา ...”


“หยุดร้องซะที รำคาญ !!!


“ฮึก...”


น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อจงอินเริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ริมฝีปากของเขายังคงทำหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์ผมไปเรื่อย ๆ เมื่อเขาคิดว่าผมเริ่มคุ้นชินจงอินจึงเพิ่มเป็นสองและสามนิ้วส่งผลให้ความเจ็บค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน


และมันกำลังทำให้ผมเกลียด !


ผมยังมีสติและรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมเกลียดเขา เกลียดความรู้สึกบ้า ๆ ที่กำลังตีรวนอยู่ในหัว ผมหวาดกลัวสัมผัสพวกนี้เพราะครั้งนึงร่างกายผมเคยถูกขยี้จนสกปรกไปหมด !


และผมเองก็เกลียดตัวเอง ... ที่เริ่มอ่อนไหวไปกับสัมผัสจากคนที่ตัวเองเกลียดนักหนา


ผมค่อย ๆ หลับตาลงปล่อยให้หยดน้ำตาสีใสไหลตามหน้าที่แสดงความรู้ของมันไป ผมไม่อยากมองเห็น ไม่อยากรับรู้ถึงความรู้สึกจาบจ้วงที่จะทำลายผมอีกครั้ง ตาคมคู่นั้นมองไปทั่วร่างกายผมเหมือนคนเสียสติเขาขบเม้มกดจูบลงทุกส่วนบนร่างกายของผมทั้ง ๆ ที่เขายังยิ้มด้วยรอยยิ้มของปีศาจ


“อึก ...”


ร่างผมเกร็งไปทั่วทุกส่วนเมื่อรับรู้ถึงบางส่วนที่ใหญ่ผิดจากขนาดนิ้วกำลังแทรกเข้ามาช้า ๆ


ผมไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงสีหน้ารู้สึกสะใจแค่ไหนเพราะผมเลือกที่จะหลับตาลงแน่นสนิท ...


พยายามปิดกั้นการรับรู้ทั้งหมดแม้ว่าสมองยังคงบอกผมได้ดีว่าจงอินกำลังขยับร่างกายของเขาช้า ๆ โดยไม่สนเสียงที่ร้องเหมือนจะขาดใจของผม


จงอินไม่แม้แต่จะถอดกางเกงออกเพราะผมรู้สึกถึงเนื้อผ้าที่เสียดสีกับท่อนขาของผม สัมผัสที่รุนแรงของเขาสร้างทั้งความเสียวซ่านและความเจ็บปวดที่ใจให้ผมอย่างถึงที่สุด


ถ้ามันเป็นมีดผมคงถูกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลือที่ว่างตรงไหนให้เขาลงมีดได้อีก


ไม่มีเสียงขอร้องใดใดออกจากปากของผมอีกเมื่อผมรู้ดีว่ามันจะไม่มีความเห็นใจจากผู้ชายที่เลวสุดขั้วคนนี้อย่างแน่นอน


จงอินมองผมที่หลับตาอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะออกแรงกระแทกแรงขึ้นจนตัวผมสั่นโยกไปตามจังหวะ ภายในห้องมีเพียงเสียงครางในลำคอเบา ๆ ของเขากับเสียงร้องสะอื้นเหมือนจะขาดใจของผม


ผ่านไปไม่รู้กี่นาทีแต่มันทำให้ผมร้องไห้จนแทบหมดแรง จงอินถอนแกนกายออกไปช้า ๆ หลังจากที่เขาทำมันจนเสร็จและปลดปล่อยในตัวผม


เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจัดสภาพตัวเองให้ดูดีก่อนหยิบกางเกงของผมโยนมาให้ที่ข้างเตียง


จงอินไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มมุมปาก ผมกัดฟันก่อนจะชี้ไปที่ประตูห้อง


“ออกไป ...”


“...”


“ออกไปซะ !!!!!


ผมหยิบหมอน หยิบอะไรก็ตามที่คว้าได้ขว้างใส่เขาที่ปัดมันทิ้งก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้องของผม เมื่อประตูปิดสนิทผมก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเหมือนคนบ้า


ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวช้า ๆ ก่อนจะชันเข่าขึ้นและซบหน้าลงไป รอยจ้ำแดง ๆ น่าเกลียดพวกนี้ทำให้ผมขยะแขยงตัวเอง ผมถูมันอย่างแรงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีทางหายไป


คราบน้ำสีขาวที่ค่อย ๆ ไหลออกมาเปื้อนผ้าปูที่นอนทำให้ผมสะอื้นอย่างควบคุมไม่อยู่


“ฮึก ... ฮือออออออออ”


มันอาจจะเป็นเวลานานเกือบชั่วโมงที่ผมทรมานที่สุด


และผมเกลียดร่างกายของตัวเอง ...


ที่ดันไปตอบรับสัมผัสจากเขา